สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาชมบล็อกผม

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติกีตาร์เบส

เบส เป็นเครื่องดนตรีประเภท เครื่องสาย ในทางสากลสามารถเรียกได้ทั้ง electric bass (เบสไฟฟ้า) , electric bass guitar (กีตาร์เบสไฟฟ้า) หรือเรียกสั้นๆว่า bass (เบส) ลักษณะของเบสจะมีรูปร่างใหญ่กว่ากีตาร์ มีโครงสร้างของคอที่ใหญ่และยาวกว่า มีย่านความถี่เสียงต่ำ มีหน้าที่โดยหลักๆในการให้จังหวะ คือคุมจังหวะตาม rhythm, line, pattern และ groove ของดนตรี ในขณะเดียวกันก็สามารถขยายระดับความสามารถการเล่นให้สูงขึ้นตามแนวเพลงและ การประยุกต์ใช้ต่างๆ เช่น เทคนิคการ Slap หรือการตบเบส (รวมไปถึงเทคนิคอื่นที่ใช้ร่วมกันกับการ Slap) ในดนตรี Funk, Jazz และอีกหลายแนว การ Tapping การเดิน Improvising การเล่น Harmonics การเล่น Picking เป็นต้น
เบสไฟฟ้าจัดว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ถือกำเนิดหลังเครื่องดนตรีอื่นๆในประเภทวงสตริงคือสร้างขึ้นหลัง กีตาร์ กลอง คีย์บอร์ดหรือซินธิไซเซอร์ (รายละเอียดจะมีในหัวข้อประวัติของเบส) เครื่องดนตรีประเภทเบสที่ใช้กันในวงดนตรีและแนวต่างๆก็จะมี เบสไฟฟ้า เบสโปร่งไฟฟ้า fretless bass (เบสไม่มีเฟรต) และ double bass, upright bass บ้างทีก็เรียกกันว่า acoustic bass แต่ก็มีภาษาพูดเรียกกันติดปากสำหรับนักดนตรีบางคนว่า เบสใหญ่
เบสไฟฟ้าที่ใช้โดยทั่วไปจะมี 4 สาย 5 สาย และ 6 สาย ส่วนสายที่มากไปกว่านี้ก็มีเนื่องจากนักดนตรีบางคนอาจจะออกแบบเพื่อประยุกต์ ใช้ทางการเล่นเฉพาะตัว
เบส 4 สายการตั้งสายตามมาตรฐานคือ E-A-D-G (เรียงจากต่ำ-สูง) เบส 5 สายคือ B-E-A-D-G ส่วน 6 สายคือ B-E-A-D-G-C แต่อย่างไรก็ตามเบสก็ได้ถูกขยายขอบเขตออกไปตามแนวคิดและการประยุกต์ใช้ของ มือเบสต่างๆ จำนวนสายก็อาจจะมีอื่นๆอีก เช่น 3 สาย, 7 สาย, 8 สาย ,9 สาย เป็นต้น

วิธีการอ่านแท็ป

วิธีอ่านแท็ป
แทป (Tab หรือ Tablature) คือ สัญลักษณ์ที่ใช้จดบันทึกเสียงทางดนตรี สำหรับเครื่องสายที่มีลักษณะคล้ายกีต้าร์ เช่น แบนโจ (Banjo) หรือ เบส (Bass) โดยแทป (Tab) นั้นได้พัฒนามาจากโน้ตดนตรีสากล แต่จะอ่านง่ายกว่า สามารถเข้าใจได้รวดเร็ว ทั้งยังบอกถึงตำแหน่งนิ้วบนคอกีต้าร์ได้ดีกว่าโน้ตดนตรีสากลอีกด้วย

แทป (Tab) มีวิธีการบันทึกได้ 2 แบบ คือ แทป (Tab) แบบมือขวา และ แทป (Tab) แบบมือซ้าย ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้ผู้อ่านนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องอะไร

แทป (Tab) มือขวา บอกตำแหน่งของนิ้วมือขวาที่ใช้ดีดสายกีต้าร์ต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่าต้องดีดเส้นไหนบ้างหรือเกาสายกีต้าร์เส้นไหนบ้าง รูปแบบใด
แทป (Tab) มือซ้าย บอกวิธีการจับคอร์ดว่าต้องจับอย่างไรบ้าง เนื่องจากบางเพลงอาจจะต้องจับคอร์ดที่ยากกว่าปกติ หรือเป็นลูกเ่ล่นเพิ่มเติมในการเกาหรือดีดเพลงนั้น ๆ และเพลงที่เน้นการวางนิ้วมือบนคอกีต้าร์และการเคลื่อนที่ของนิ้วมือซ้าย ตามอารมณ์ของเพลงนั้น ๆ เช่น เพลงคลาสสิค เพลงบรรเลงด้วยกีต้าร์

ตัวอย่างโน้ตแทป

C D
---------------------------------------2-------------- สายที่ 1 ของกีต้าร์ หรือสายล่างสุด (เสียงแหลมสุด)
------------1-----1--------------2---------2--------- สายที่ 2 ของกีต้าร์
---------0-----0-----0--------3----3----3----3------ สายที่ 3 ของกีต้าร์
------2---------------------0------------------------- สายที่ 4 ของกีต้าร์
---3-------------------------------------------------- สายที่ 5 ของกีต้าร์
------------------------------------------------------ สายที่ 6 ของกีต้าร์ หรือสายบนสุด (เสียงทุ้มสุด)

จากตัวอย่างข้างบนการอ่านโน้ตแทปก็คือ ให้ดูจากคอร์ดด้านบนก่อนว่าเป็นคอร์ดอะไร ให้จับคอร์ดตามนั้น

จากนั้นตัวเลขที่เห็นก็คือ เฟรตหรือช่องบนคอกีต้าร์ที่ใช้นิ้วกดลงไป ซึ่งหากตัวเลขอยู่บนสายไหนก็ให้ดีดสายนั้นๆ
จากตัวอย่าง เลข 3 อยู่บนสายที่ 5 ให้กดเฟรตที่ 3 ของสายที่ 5 และดีดสายที่ 5 เป็นอันจบโน้ตตัวแรก
ตัวถัดไปเป็นเลข 2 ให้กดเฟรตที่ 2 ของสายที่ 4 และดีดสายที่ 4 ก็จะจบโน้ตตัวที่ 2 หากเป็นเลข 0 ก็คือดีดสายเปล่าๆ โดยไม่ต้องกดอะไรเลย

เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ คงไม่ยากสำหรับมือใหม่นะครับ ยังไงก็ลองฝึกแกะแทปจากเพลงช้าๆ แนวอคูสติคกันดูนะครับ ค่อยๆ ฝึกกันครับ ถ้าเพื่อนๆ เล่นแทปกันคล่องแล้ว เดี๋ยวผมจะหาแทปมาลงในเว็บให้เยอะๆ ครับ ส่วนการถามตอบก็ไว้ไปถามกันบนเว็บบอร์ดได้เลยนะครับ เผื่อว่าจะมีเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ เข้ามาตอบกันครับ
การหัดไล่ scale กีต้าร์

ในการเล่นกีต้าร์นั้นนอกจากจะหัดจับคอร์ดแล้วนั้นที่สำคัญก็คือ

การหัดไล่สเกลล์ซึ่งการไล่สเกลล์นั้นเป็นพื้นฐานในการลีดกีต้าร์

ที่นักลีดกีต้าร์ทั้งหลายทำกันอยู่ก็มาจากการฝึกหัดไล่สเกลล์กัน

ทั้งนั้น การไล่สเกลล์นั้นเป็นการไล่นิ้วลงไปบนตัวโน๊ตของกีต้าร์

ซึ่งจะไล่แบบไหนนั้นก็แล้วแต่ผู้เล่นจะถนัดนั่นเองดังตัวอย่างตารางสเกลล์


การจับคอร์ดกีต้าร์เบส





การจับคอร์ดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นกีต้าร์เลยก็ว่าได้ ในโลกนี้มีคอร์ดอยู่มากมายมหาสาร
มีผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่าคอร์ดนั้นมีอยู่เป็นร้อยเป็นพันธ์เลยทีเดียว (โห้... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) ใครคิดวิธีจับแบบใหนได้ก็อาจจะเรียกเป็นคอร์ดใหม่เลยก็ได้ แต่อย่าพึ่งตกใจไปน่ะครับ คอร์ดหลักๆ นั้นมีอยู่แค่ 7 คอร์ดเท่านั้นเอง คือ A B C D E F และ G ส่วนที่เหลือนั้นก็จะเป็นพวกน้ำจิ๋มน้ำปลาทั้งนั้น

ในที่นี้ผมจะสอนวิธีการจับคอร์ดง่ายๆ และวิธีการดูคอร์ดจากรูปภาพ ซึ่งถ้าคุณรู้วิธีหล่าวนี้แล้ว คุณก็จะสามารถนำไปประยุคในการจับคอร์ดอื่นๆ ได้ เอาหละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

จากรูป เป็นคอกีต้าร์ในลักษณะหันหน้าเข้าหาตัว เส้นในแนวตั้งก็คือสายกีต้านั้นเอง โดยเลข 1 ที่กำกับอยู่ข้างบนก็คือสายที่ 1 หรือสายที่เล็กที่สุด ส่วนเลขหกก็คือสายที่ใหญ่ที่สุด

เส้นในแนวนอนก็คือเส้นขั้นระหว่างเฟร็ต โดยเฟร็ตบนสุดก็คือเฟร็ตที่ 1 และถัดลงมาก็คือเฟร็ตที่ 2, 3, 4 .... ไปเรื่อยๆ

ส่วนรูปด้านขวานี้ เป็นตัวอย่างของการจับคอร์ด C ซึ่งตัวเลขในลูกกลมๆ สีแดงก็คือนิ้วมือซ้ายนั้นเอง โดยรายละเอียดมีดังนี้

1 = นิ้วชี้ 2 = นิ้วกลาง 3 = นิ้วนาง 4 = นิ้วก้อย


ตัวเลขต่างๆ หล่าวนี้ที่จริงแล้วในตารางคอร์ดทั่วๆ ไปจะไม่มีกำกับไว้ ถ้าไม่มีแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจับคอร์ดได้ถูกต้องหรือผิด? คำตอบก็คือไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ เพราะการจับนั้นไม่ตายตัว ใครถนัดแบบใหนก็จับแบบนั้น แต่บางทีการจับให้ถูกต้องนั้นก็สำคัญเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นการจับคอร์ด G จากรูปจะเห็นว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นิ้วก้อย (เลข 4) ในการจับเลย เพราะนิ้วชิ้วเรายังว่างอยู่นิ หลายคนโดยเฉพาะมือใหม่ๆ ก็เลยใช้นิ้วชี้กดแทนนิ้วกลาง ส่วนนิ้วกลางก็เอาไปกดที่นิ้วนาง และนิ้วนางที่นิ้วก้อย ทำให้เราไม่ต้องใช้นิ้วก้อยเลย (ผมก็เคยจับแบบนี้มาตั้งนาน) ซึ่งดูเหมือนจะง่ายกว่าแบบแรกเยอะ เพราะมือใหม่ส่วนใหญ่จะไม่สันทัดกับการใช้นิ้วก้อยซักเท่าไหร

แต่ถ้าคุณเริ่มที่จะเล่นกีต้าร์เป็นแล้ว และคุณลองเล่นเพลงจากหนังสือเพลง คุณก็จะเจอกับคอร์ด Gsus4 ซึ่งจะต้องเปลี่ยนจากคอร์ด G ไปจับ Gsus4 (มันมักจะมาด้วยกัน) ซึ่งคุณจำเป็นมากที่จะต้องใช้นิ้วชี้ แต่นิ้วชี้คุณกลับใช้ไปแล้วซะนี่...

สรุปเลยละกันน่ะครับว่า การจับคอร์ดนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แต่การจับให้ถูกหรือเหมาะสมก็เป็นสิ่งที่ควรทำครับ

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

วิธีการเล่นกีตาร์เบส

สวัสดีครับ มาติดตามกันต่อกับบทความเพื่อ ฝึกเริ่มเล่นเบส คราวที่แล้ว ได้ พูด ถึง ตัวโน๊ต โด เร มี ฟา ซอล ...กันไปแล้ว ส่วน ความยาวตัวโน๊ตก็พูดถึง ตัวกลม ตัว ขาว และ ตัว ดำ บทความนี้จะขอพูดถึงเกี่ยวกับตัวโน๊ตอื่นๆ นอกเหนือจาก 7 ตัวนี้ จนครบ 12 ตัว แต่ยังจะเล่นเป็นตัวอย่างโดยใช้ ตัวกลม ตัวขาว ตัวดำครับ และจะพูด ถึง ความหมายของคีย์ สเกล และคอร์ดเบื้องต้น ลองติดตามกันดู


ใน ดนตรีสากล เครื่องดนตรี ส่วนใหญ่สามารถ จะเล่น โน๊ตได้ มากกว่า 7 ตัว มีเครื่องดนตรีหลายชิ้นที่สามารถ เล่นโน๊ต ได้ ครบ ทั้ง 12 ตัวโน๊ต ทำให้สามารถเล่นได้ทุกคีย์ (คำว่าคีย์จะอธิบายอีกที)
เปรียบเทียบกับ เครื่องดนตรี ไทยก็ได้ครับ ส่วนใหญ่ เครื่องดนตรีไทย มีโน๊ต ไม่ครบ 12 ตัว ทำให้ เล่นเพลงสากลไม่ได้ ต้องปรับ เพลงในบางส่วน ถ้า เพื่อมาเล่นกะดนตรีสากลครับ แต่ก็เคยได้ยินว่า "แคน"เครื่องดนตรีภาคอีสานของเรา สามารถ เล่นโน๊ตได้ครบ 12 ตัวครับ ในส่วนของเบสกีตาร์ สามารถ เล่น ตัวโน๊ตได้ทุกตัวครับโน๊ตทั้ง 12 ตัว ครับ ตัวโน๊ตก็มีดังนี้ คือ



1. C โด
2. C# , Db โด ชาร์ป หรือ เร แฟร็ต
3. D เร
4. D# ,Eb เรชาร์ป หรือ มี แฟร็ต
5. E มี
6. F ฟา
7. F# , Gb ฟา ชาร์ป หรือ ซอล แฟร็ต
8. G ซอล
9. G# , Ab ซอล ชาร์ป หรือ ลา แฟร็ต
10. A ลา
11. A# ,Bb ลาชาร์ป หรือ ที แฟร็ต
12. B ที
โน๊ต ทั้งหมดจะ วางอยู่บนเฟร็ต หรือฟิงเกอร์บอร์ด ตามรูปด้านล่างนี้ ส่วน จากเฟร็ต 12 เป็นต้นไปก็เรียงโน๊ตไปเหมือนกัน (มองเฟร็ต 13 เท่ากับเฟร็ต1 เฟร็ต 14 เท่ากับ เฟร็ต 2 ไปเรื่อยๆ จนถึง เฟร็ต 24 เท่ากับเฟร็ต 12 นะเอง ครับ)

เครื่อง หมายที่ตามหลังตัวโน๊ตมาหรือ (Accidental) เครื่องหมาย # ให้อ่านว่าชาร์ป หมายถึง เล่นโน๊ตตัวนั้น แต่ สูง ขึ้น ครึ่งเสียง (1เฟร็ต)
เครื่องหมาย b ให้อ่านว่า แฟร็ต หมายถึงเล่นโน๊ตตัวนั้น แต่ต่ำว่า ครึ่ง เสียง (1 เฟร็ต)
Tips ให้มองว่าโลกนี้ มี โน้ตด้วยกัน 12 ตัวครับ จะได้เข้าใจง่ายๆ ครับ ไม่ใช่ 7
โน๊ต ทั้ง 12 ตัว พอเรียงกัน ก็เรียกว่า บันไดเสียง (Scale) โครมาติค ส่วนตัว ผม จะมองว่า Scale นี้ มันเป็น พื้นฐาน ให้ Scale อื่น ๆ คือรวมโน๊ตทุกตัวมากกว่าครับ เป็นเหมือนตารางที่ห่างเท่าๆกัน ทุกครึ่งเสียง ไม่ได้ให้ความรู้สึกอะไร
Tips ข้อสังเกต คือ โลกนี้จะไม่มีใครพูดตัวโน๊ตที่ว่า E# หรือ Fb , B# หรือ Cb มีแต่พูดตอนเรียนทฤษฎี(ลึก)เท่านั้น โลกความเป็นจริงไม่มีโน๊ตเหล่านี้ เพราะ E# มันคือ F ,Fb มันคือ E, B#มันคือC , CbมันคือB
ต่อไป มาพูดถึง คำว่าคีย์กันครับ

คีย์ Key ก็หมายถึง กลุ่มตัวโน๊ต ที่ถูกนำใช้ โดยมากในเพลงนั้นๆ ถ้าบอกว่าเพลงนี้คีย์ C กลุ่มตัวโน๊ตที่เอามาเล่นในเพลงก็อยู่ ใน 7 ตัว ก็คืออยู่บน C Major Scale มีโน๊ตคือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที และคอร์ด ที่เล่นก็จะสัมพันธ์กันกะสเกลนี้ หรือ ก็คือ เอามาจากโน๊ต 7 ตัวใน คีย์นั่นเอง ที่ใช้คำว่าโดยมาก เพราะ เพลง ๆนึงไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้โน๊ตแค่ 7ตัวเท่านั้น ยังสามารถ เพิ่ม คีย์ เปลี่ยนคีย์ เอาคอร์ดส่งอื่น ๆมาใช้ เกิด ตัวโน๊ตใหม่ๆ เข้ามาในคีย์ บางคนโซโล่โดยใช้โหมดซึ่งจะได้โทนใหม่ ซึ่งแน่นอน มีโน๊ตเข้ามามากขึ้น สรุปว่า อย่ายึดติดครับ
--------จงทำความเข้าใจคำว่า คีย์ และ Scale ให้ดี มันเกี่ยวข้องกับโน๊ต 7 ตัวเดียวกันแต่ในคนละลักษณะอ่ะครับ--------------
แต่ มีข้อสังเกตคือ 1 เพลง ไม่จำเป็น ต้องเล่นโน๊ต แต่ในคีย์นั้นก็ได้ จะเล่น โน๊ตแค่ 5 ตัวใน คีย์ก็ได้ หรือจะดึงตัวโน๊ตนอกคีย์มาเล่นก็ได้ จะ เปลี่ยน คีย์ไปมาก็ยังได้ ครับ ไม่ได้บังคับครับ บางคนบอกเพลงของผมไปซ้ำกะคนอื่น เพราะ โน๊ตมันมีแค่ 7 ตัว ให้ทำไง ผมว่า คนพูดงี้มันไม่ได้เรื่องอ่ะครับ
คงเข้าใจคำว่าคีย์แล้วนะ ต่อไป มาดูโน๊ตใน คีย์ ทั้ง หมดกัน
คีย์ C มีโน๊ต C D E F G A B C
คีย์ D มีโน๊ต D E F# G A B C# D
คีย์ E มีโน๊ต E F# G# A B C# D# E
.... อ๊ะ! ไม่บอกหรอก บอกไปคุณก็จำไม่ได้
ไม่ต้องจำตอนนี้ครับ แต่ให้ทำตามวิธีนี้้ ครับ
การ หาตัวโน๊ตในคีย์ หรือ Scale แล้วก็ให้ไล่ดีด ตามฟอร์มนิ้วเดิมครับ แต่เปลี่ยน Root ไป คีย์ที่ต้องการครับ ก็จะเฉลยโน๊ตที่ เราต้องการออกมา
เช่นผมจะไล่ Scale Major โดยวางนิ้ว ฟอร์มตามนี้ 2 4 - 1 2 4 - 1 3 4 เหมือนตัวอย่างคราวที่แล้วนะ
1 คือ นิ้วชี้(ซ้าย)
2 คือ นิ้วกลาง
3 คือ นิ้วนาง
4 คือ นิ้วก้อย
- ขีดคือ เปลี่ยนสายนะ ดูตามวีดีโอครับ



จำไปเลยนะ 2 4 1 2 4 1 3 4 เป็น พื้นฐาน ให้เล่นจนแก่เลย กลาง ก้อย - ชี้ กลาง ก้อย - ชี้ นาง ก้อย เข้าใจแล้วนะ
ต่อ ไปจะอธิบายคำว่าราก หรือ รูท การเริ่มดีดโน๊ตตัวแรกในสเกลตามวีดีโอก็คือ นิ้ว 2 (นิ้วกลาง) ตัวแรก หรือโน๊ตที่ดีดตัวแรกของสเกล ให้เรียกว่า Root นะ ตัวโน๊ตตัวต่อ ไปที่ได้ ก็ให้เรียกว่า ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 ตัวที่ 4 ตัวที่ 5....ไปเรื่อย ๆครับ
R 2 3 4 5 6 7 8
C D E F G A B C
อันนี้ คือ บันไดเสียง C Major
D ก็เป็นตัวที่ 2 ของ C Major
E ก็เป็นตัวที่ 3 ของ C Major
... ไล่ไปเรื่อยๆ
เข้าใจแล้วนะ แล้วก็ลอง อย่างนี้ เลื่อน ไอ้ 2 4 1 2 4 1 3 4 เปลี่ยน Root มันไป ตามท่ต้องการ


เปลี่ยน ไป D ซิ ก็จะได้ D major ไป E ซิ ก็ได้ E major ไป F (ตามวีดีโอด้านบน) ซิ....แล้วทำเองให้ครบ12 คีย์ 2 4 1 2 4 1 3 4 เหมือนเดิม (เหมือนใส่เสื้อตัวเดิม แต่ เปลี่ยนคนใส่) ก็ จะได้ โน๊ต ใน สเกล Major ของ รูท ๆนั้นทั้ง่หมด พอนิ้วเราไปแล้วก็จะเฉลยตัวโน๊ตในคีย์ออกมาทั้งหมดครับ ถ้าใครยังจำโน๊ตบนเฟร็ตไม่ได้ก็กลับไปดูตารางด้านบน หรือ ทบทวนบทความที่แล้วๆ มานะครับ จากนี้ คุณก็จะเขียน ตัวโน๊ตใน สเกล เมเจอร์ ทั้ง 12 คีย์ออกแล้วนะ นั่งทำเป็นการบ้านดูครับ
เวลาที่เรา เลื่อน Root ไป ข้างหน้า หรือ ข้างหลัง เค้า เรียกศัพท์ ภาษาอังกฤษ ว่า Tranposition หรือ Transpose ทรานสโพส หรือว่า เลื่อนคีย์ นะเอง
อย่างเพลงนี้ เล่นอยู่ในตัวโน๊ตของ Cmajor (คีย์ C) เพื่อน บอก Tranpose ขึ้น ครึ่งเสียง บางคนเรียกว่าเพิ่มคีย์ นั่น หมายความว่า เลื่อน C major ให้ เป็น C# major โน๊ตทั้ง 7 ตัวก็โดนเลื่อน ขึ้น ครึ่งเสียงหมดเลย ทุกตัวเลื่อนหมด ได้กลุ่มตัวโน๊ต ใหม่ แต่สำหรับเบสเราไม่ต้องสนใจก็ได้ เราแค่เลื่อนมือ แล้วเล่นโน๊ตในโครงสร้างที่เหมือนเดิม(หน้าตาเหมือนเดิม) หลับตาเล่น แล้วเล่นเหมือนเดิมก็เท่านั้น (อันนี้เป็นข้อดีของ เครื่องดนตรีแบบ Fret เช่น เบสหรือ กีต้าร์ แต่ถ้าเป็น เปียโน การ Transpose ยากเหมือนกัน เพราะ ต้องรู้ว่ามีโน๊ตไรบ้าง ยกเว้น คีย์บอร์ดไฟฟ้า ที่สามารถใช้ ตัวอิเล็กทรอนิคส์เครื่องเข้ามาจัดการ ทรานสโพสต์ได้)
Tips การ Transpose ลงหรือขึ้น เดี๋ยวนั้น เดี๋ยวนี้เวลาเล่นสด เช่นนักร้องต้องการให้ลดคีย์ หรือไปแจม บลูส์กะเพื่อน หรือว่า เพลงนั้นเพลงนี้ มีการเล่นลดเสียง ส่วนใหญ่ นักดนตรีจะง่อยรับประทาน มึความกลัวมากๆ ซึ่งเป็นเป็นจุดอ่อนมากๆ ครับ มันเป็นเบสิคที่สำคัญครับ น้องๆ ฝึกเข้าไว้นะ จะได้แซงรุ่นพี่ครับ ถ้าในวงบอกเอา คีย์ไหนเราก็เล่นได้ ทั้งเพลง อันนี้ ถือว่ามีความเป็นโปรอย่างมากเลยครับ
แนะนำการฝึก ลอง เปิด หนังสือเพลง ครับ เล่นเพลง เดิมแต่ลองเลื่อนขึ้นหรือ ลงเลยครับ ดูคอร์ด ไปแล้ว คิด ทรานสโพสต์ ทันทีฝึกให้คล่องๆ ครับเพื่อใช้ใน สถานะการณ์จริง อันนี้อย่าคิดว่ายากนะ จงพยายามครับ
สรุป สมมุติ ถ้า นักร้อง ร้องไม่ไหว เสียงสูง จัด เค้า บอก ให้เลื่อนลง ครึ่ง คีย์ซิ ก็หมายถึง ถ้าเพลงนั้นเป็นคีย์ B major เลื่อนลง เสียงนึงเลย ก็ Bbmajor เข้าใจยังขอรับ
หรือ บางเพลง ในเพลงเดียวกัน มีการเปลี่ยน คีย์ ก็มี เป็น เรื่องปกติมาก เลยครับ ดังนั้น หน้าที่ของคุณคือทำความคุ้นเคยกะ คีย์ให้ดีครับ อย่างน้อย ๆคีย์ ที่เค้าเล่นกัน หลัก ๆต้องพอจำให้ได้ว่ามีโน๊ตไรบ้างครับ จะทำให้เรามีพื้นฐานที่ดีครับ
คีย์ หลัก ๆ ที่ต้องฝึกกัน ก็ C G D A E F Bb Eb

การ ดูว่าเพลงนั้น เพลงนี้ คีย์ไหน ส่วนใหญ่ จะ ดู ว่าคอร์ด แรก คอร์ด อะไร ครับ แต่ ก็อาจจะพลาดได้นะ เราต้องดู กลุ่มตัวโน๊ต หรือ กลุ่มคอร์ด ว่าสัมพันธ์กะคีย์ไหนสุด ถึงจะชัวร์กว่าครับ บางเพลงเอาท่อนอื่นๆ มาขึ้น บางเพลง มีการเปลี่ยน คีย์ การดูแต่เฉพาะ คอร์ดแรก ก็มีโอกาสผิดสูงครับ
ต่อไปจะเริ่มอธิบายคำว่าคอร์ด
คอร์ด คือ กลุ่มตัวโน๊ต 3 ตัว ขึ้นไป มาอยู่ด้วยกัน มาอยู่รวมกัน หรือ ประสานสียงกัน 1 คอร์ด ประกอบขึ้น จาก โน๊ต 3 ตัวขึ้นไป ลักษณะของตัวโน๊ตที่มีรวมกันเป็นคอร์ด จะอยู่ห่างๆ กันครับ ถ้าสมมุติมีตัวโน๊ต เรียงไปตามสเกล ไปเรื่อยๆ (2 Octave) ตามนี้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 คอร์ด โดยมากจะมี โครงสร้างเป็น 1 3 5 , 1 3 5 7, 1 4 5, (เป็นตัวโน๊ตที่ค่อนข้างห่างกันหน่อย) จะไม่มีคอร์ด แบบ 1 2 3 แน่นอนครับ ตัวโน๊ตมันใกล้กันจนกัดกันครับ (ลองไปกดคีย์บอร์ดดู ว่าเสียงเป็นแบบไหน)
กลุ่มของคอร์ด ให้มองเป็นตามนี้ครับ ให้เริ่มมองตามนี้
คีย์ C major (หรือเรียกคีย์ C เฉยๆ ) มีโน๊ต - C D E F G A B C (ตัวภาษาอังกฤษบรรทัดนี้แทนตัวโน๊ต เดี่ยวๆ)
คอร์ด 3 เสียง หรือ Triad (1คอร์ด มี 3 ตัวโน๊ต) มี คอร์ด ได้แก่ C Dm Em F G Am Bdim C
คอร์ด 4 เสียง หรือ Tetra-ad (1คอร์ด มี 4 ตัวโน๊ต) มีคอร์ดได้แก่ Cmaj7 Dm7 Em7 Fmaj7 G7 Am7 Bm7b5 Cmaj7
ยกตัวอย่างการอ่านชื่อคอร์ด
C อ่านว่าคอร์ด ซี หรือคอร์ด ซีเมเจอร์ แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านว่าคอร์ด ซีเมเจอร์ครับ เพราะ รู้กันอยู่แล้วว่าเป็น เมเจอร์ ถ้าไม่ได้พูดอะไรต่อท้าย
Dm อ่านว่า คอร์ด ดี ไมเนอร์ (ห้ามเขียนตัวเอ็มด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เพราะ ถ้าตัวพิมพ์ใหญ่ จะหมายถึง เมเจอร์)
Bdim ให้อ่านว่า บีดิม หรือ บีดิมมินิช
Em7 ให้อ่านว่า อีไมเนอร์เซเว่น (การเขียนตัวเลขเจ็ด ห้ามมีขีดกลางครับ จำไว้เลยครับ)
Fmaj7 ให้อ่านว่า เอฟเมเจอร์เซเว่น
G7 ให้อ่านว่า จี เซเว่น ชื่อจริงๆ มันคือ โดมิแน้นท์เซเว่น แต่ไม่จำเป็นต้องเรียกครับ
Bm7b5 ให้อ่านว่า บีไมเนอร์เซเว่นแฟร็ตไฟว์
Tips Triad มีโน๊ต 3 ตัว เป็นส่วนหนึ่ง (Subset) ของ Tetra-ad มีโน๊ต 4 ตัว
การบ้าน คือ จากที่เราหา โน๊ต ใน บันไดเสียง เมเจอร์ โน๊ตในคีย์เป็นแล้ว พอหาออกมาได้ 12 คีย์แล้ว ก็มา หัดใส่ สกุลคอร์ด ให้ กับตัวโน๊ตนั้นๆ ก็จะได้ กลุ่มคอร์ด ของทุกคีย์ออกมา
วอย่าง คีย์ C major มีโน๊ต - C D E F G A B C (ตัวภาษาอังกฤษบรรทัดนี้แทนตัวโน๊ต เดี่ยวๆ)
Triad มี คอร์ด ได้แก่ C Dm Em F G Am Bdim C
Tetra-ad มีคอร์ดได้แก่ Cmaj7 Dm7 Em7 Fmaj7 G7 Am7 Bm7b5 Cmaj7
ลองหาคีย์อื่นๆดู ลอง G major มีโน๊ตไรบ้างลองไล่ดิ๊ 24 -124 -134 อ่ะ ได้โน๊ต
G A B C D E F# G (ตัวภาษาอังกฤษบรรทัดนี้แทนโน๊ตเดี่ยวๆ)
ใส่ชื่อคอร์ด (เสื้อ)Triad และTetra-ad เลียนแบบในคีย์ C เหมือนเดิม(ตัวเดิม)
ก็ได้
G Am Bm C D Em F#dim G และ
Gmaj7 Am7 Bm7 Cmaj7 D7 Em7 F#m7b5 G
ก็ จะได้ โน๊ตและกลุ่มคอร์ดออกมา ถ้าเราคุ้นเคยกะกลุ่มคอร์ดของคีย์นั้นๆ หรือ คุ้นเคยกะโน๊ตในคีย์นั้น ก็จะรู้ว่าเพลงนี้ ท่อนนี้กะลังเล่น คีย์อะไรอยู่
สิ่ง ที่ คุณต้องจำก็คือ คอร์ดที่ 1 หรือ Root จะเป็น คอร์ด Maj นะ คอร์ด ที่ 2 เป็น Minor นะ คอร์ด ที่ 3 จะเป็น Minor คอร์ด ที่ 4 เป็น Major....แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เสื้อเหมือนเดิมแต่เปลี่ยน Root นั่นเองครับ ลองไล่กันดู หรือจะจำว่า อ้อ เจอ คอร์ด D ในคีย์ C มันไม่ใช่ D Major มันต้องเป็น D minor สิ หรือ เจอ คอร์ด E ในคีย์ G โห่บอกไปเลยว่าต้องเล่น Em แต่ว่า อย่าลืมคำว่าคอร์ด นอกคีย์นะ เพราะสามารถมีได้ อย่างเพลง หยุด ของ Groove riders เพลงนี้คีย์ C แต่ คอร์ด D ดันเป็น เมเจอร์อ่ะ อันนี้ มีการใช้ทฤษฎีอื่นเข้ามาเพิ่มสีสันในเพลงครับ ส่วนกลุ่มคอร์ดพวกนี้มาจากไหน ไว้จะอธิบายทีหลังแล้วกัน เอาเป็นว่า โน๊ตที่ประกอบขึ้นมาเป็นคอร์ด มันก็อยู่ใน 7 ตัว ของคีย์มันเองนั่นแหล่ะ
ต่อไป เอาการบ้านเก่ามาทำกัน
การบ้าน ครับ เล่นเบส ตามคอร์ดต่อไปนี้ และ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ เล่นโน๊ตตัว Root ของคอร์ด ใน Position แรก ใช้โน๊ต ตัวกลม ขาว และดำ เล่นไปเรื่อยๆ ฟังเสียงคอร์ดไปด้วย และตามจังหว่ะให้ดีครับ

Bdim Em Am Dm G C (คอร์ด Triad)
ได้คอร์ด 3 ตระกูล คือ
1. _dim ดิมินิช
2. _m ไมเนอร์ และ
3. _ เมเจอร์
http://www.activebass.com/default.asp?src=g&gv=100&bv=0&dv=0&r=1&d=20%3A26-8%3A2-17%3A2-5%3A2-14%3A1-2%3A1-&l=6&f=1&ms=1&me=6&t=90
(ในหน้า เว็ป ของ Activebass จะมี คอนโซลให้ปรับ เกี่ยวกับ Tempo จังหว่ะ หรือ ดับเสียงกลอง ลองปรับดูครับ แต่ถ้าใครไม่สะดวก สามารถ หาโปรแกรมที่ ชื่อ Band In A Box มาลงก็ได้ครับ ช่วยได้อย่างมากเลย )
คราวนี้ให้เพิ่มเป็น คอร์ด Tetra-ad ครับ
Bm7b5 Em7 Am7 Dm7 G7 Cmaj7
http://www.activebass.com/default.asp?src=g&gv=100&bv=0&dv=0&r=1&d=20%3A24-8%3A11-17%3A11-5%3A11-14%3A9-2%3A14-&l=6&f=2&ms=1&me=6&t=80
ได้คอร์ด 4 ตระกูล คือ
1. _m7b5 ไมเนอร์เซเว่นแฟร็ตไฟต์
2. _m7 ไมเนอร์เซ่เว่น
3. _7 โดมิแน้นท์เซเว่น(เรียกเซเว่นเฉยๆ)
4. _maj7 เมเจอร์เซเว่น
แล้วลองเล่นในคีย์อื่น ๆ บ้างครับ
คีย์ C เล่น Bm7b5 Em7 Am7 Dm7 G7 Cmaj7
คีย์ G เล่น F#m7b5 Bm7 Em7 Am7 D7 Gmaj7
คีย์ D เล่น C#m7b5 F#m7 Bm7 Em7 A7 Dmaj7
คีย์ A เล่น G#m7b5 C#m7 F#m7 Bm7 E7 Amaj7
คีย์ E เล่น D#m7b5 G#m7 C#m7 F#m7 B7 Emaj7
คีย์ B เล่น A#m7b5 D#m7 G#m7 C#m7 F#7 Bmaj7
เล่น ทั้ง ตัวกลม ตัวขาว และ ตัวดำ ให้ฟังเสียงคอร์ด ให้ดีครับ จำความรู้สึก Character ลักษณะ ของโทนเสียง โทนคอร์ด ที่ออกมา เล่น ตรงตามจังหว่ะ ให้ได้ การดีดแต่หล่ะ ครั้ง เสียงอย่าห้วน สั่น Buzz ควรคุมการดีด ในแต่หล่ะ ตัวโน๊ตให้ เสียงดัง เท่าๆกันด้วย
Advance เพิ่มความเร็ว Tempo ของ Metronome ขึ้นไปบ้างเมื่อคล่องแล้ว
การบ้าน ครับ
ให้หาโน๊ต ใน Scale Major ทั้งหมดออกมา ของทุกคีย์ เลยครับ ผมกำหนด Root ให้เป็น 2 แถวเรียงตามนี้
1. C G D A E B F# C# G# D# A# F (หาโน๊ตใน Cmajor ออกมา,ใน G major ออกมา ไปเรื่อยๆจนถึง F....แต่มีข้อแม้คือ ห้ามเขียนโน๊ตด้วยเครื่อง b แฟร็ต ให้เป็นชาร์ปให้หมด)
2 .C F Bb Eb Ab Db Gb B E A D G (หาโน๊ตใน C major ออกมาใน F major ออกมา ไปเรื่อยๆ จนถึง G....แต่มีข้อแม้คือ ห้ามเขียนโน๊ตด้วย # ชาร์ปให้เขียน แฟร็ตทั้งหมด)
การบ้านนี้มีความหมายสำหรับ บทความคราวหน้าครับ ไว้จะเฉลย และอธิบายต่อไปครับ ลองทำกันดูหวังว่าคงไม่ทำให้ปวดหัวจนเกินไป